หน้าแรก
คณะผู้บริหาร
กระดาษข่าว
สมุดเยี่ยม
ติดต่อเรา
ผู้ดูแลระบบ
ข่าวประชาสัมพ้นธ์
หัวข้อข่าว :
พลิกประวัติศาสตร์ข้าว! ชาวนายัน หอมมะลิ 105 กำเนิดที่ บ้านโพธิ์ ไม่ใช่บางคล้า (คลิป)
นางชิ้น เจียมตน ชาวนาบ้านแหลมประดู่ อำเภอบ้านโพธิ์ จังหวัดฉะเชิงเทรา เมื่อวันที่ 6 มิ.ย. ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ชาวนากลุ่มหนึ่งในจังหวัดฉะเชิงเทรา เรียกร้องให้แก้ไข ข้อมูลเรื่องแหล่งกำเนิดของข้าวหอมมะลิว่ามาจากแหลมประดู่ อำเภอบ้านโพธิ์ ไม่ใช่อำเภอ บางคล้า จังหวัดฉะเชิงเทราตามที่เข้าใจกัน นางชิ้น เจียมตน อายุ 65 ปี อาชีพชาวนา ภูมิลำเนาอยู่ที่บ้านแหลมประดู่ อำเภอบ้านโพธิ์ จังหวัดฉะเชิงเทรา กล่าวว่า เรื่องที่มาของข้าวหอมมะลิ 105 เป็นสิ่งที่เข้าใจผิดกันมานาน ตน เคยไปอบรมปราชญ์ข้าวที่กรมวิชาการเกษตร ฉะเชิงเทรา พบว่าในเอกสารประกอบการอบรม ให้ข้อมูลเรื่องที่มาของข้าวพันธุ์ดังกล่าวว่ามีแหล่งกำเนิดจาก บ้านแหลมประดู่ ตำบลสระ สี่เหลี่ยม อำเภอบางคล้า จังหวัดฉะเชิงเทรา ซึ่งไม่ตรงกับความจริง เนื่องจาก 1. ตำบลสระ สี่เหลี่ยม อยู่ในอำเภอพนัสนิคม จังหวัดชลบุรี ไม่ใช่บางคล้า 2. อำเภอบางคล้า ไม่ใช่แหล่ง กำเนิดข้าวหอมมะลิ 105 แต่เป็นบ้านแหลมประดู่ อำเภอบ้านโพธิ์ สาเหตุที่เกิดความเข้าใจผิดมานาน เนื่องจากมีผู้นำพันธุ์ข้าวไปปลูกที่บางคล้าและมีการซื้อขาย กันมากในพื้นที่ดังกล่าว นอกจากนี้ อำเภอบ้านโพธิ์ ยังเป็นเขตต่อเนื่องกับบางคล้าและ พนัสนิคม จึงเกิดความสับสนได้ง่ายโดยเฉพาะในอดีตเมื่อหลายสิบปีก่อน การแบ่งเขตยังไม่ ชัดเจนเหมือนในปัจจุบัน ข้าวหอมมะลิ 105 มีความเข้าใจผิดเพี้ยนไปว่ามีแหล่งกำเนิดจากบางคล้า ความจริงดั้งเดิมมา จากอำเภอบ้านโพธิ์ ซึ่งมีดินปนทรายที่ข้าวชนิดนี้ชอบ ไม่ใช่ว่าปลูกได้ทุกแห่ง บรรพบุรุษทำ กินกันมาแต่โบราณกันที่นี่ ที่แหลมประดู่ บ้านโพธิ์ ไม่ใช่บางคล้า แต่ตอนหลังมีคนนำไปปลูกที่ บางคล้า ประกอบกับเป็นพื้นที่ต่อเนื่องกัน จากหมู่บ้านแหลมประดู่ บ้านโพธิ์ เลยไปอีกนิดเดียว ก็ถึงบางคล้า เลยเกิดความสับสน ในเอกสารงานอบรมเกี่ยวกับข้าวที่เคยเจอ ยังเขียนว่า ข้าว หอมมะลิ 105 มาจากหมู่บ้านแหลมประดู่ ตำบลสระสี่เหลี่ยม อำเภอบางคล้า จังหวัด ฉะเชิงเทรา แต่จริงๆแล้วต้องเป็นอำเภอบ้านโพธิ์ ฉะเชิงเทรา นางชิ้นกล่าว นางชิ้นยังกล่าวอีกว่า สาเหตุที่ตนอยากให้แก้ไขเรื่องแหล่งกำเนิดข้าว ไม่ได้ต้องการเรื่อง ลิขสิทธิ์ หรือแสดงความเป็นเจ้าของข้าวหอมมะลิ 105 ให้เป็นของอำเภอบ้านโพธิ์ เพราะคนใน พื้นที่รู้สึกเหมือนเป็นพี่น้องกัน ไม่ได้มีปัญหาในส่วนนี้ เพียงแต่ต้องการให้ข้อมูลที่เผยแพร่มี ความถูกต้อง ไม่คลาดเคลื่อนเท่านั้น ไม่ได้มีเหตุผลอื่น ซึ่งตนคิดว่าจะนำไปปรึกษาเกษตร อำเภอว่าจะสามารถแก้ไขได้หรือไม่ ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ข้อมูลจากหนังสือ ทุ่งกุลา อาณาจักรเกลือ 2,500 ปี จากยุคแรกเริ่มล้า หลัง ถึงยุคมั่งคั่งข้าวหอม พิมพ์ครั้งแรก พ.ศ.2546 ซึ่งมีนายสุจิตต์ วงษ์เทศ เป็นบรรณาธิการ ระบุว่า ปัจจุบัน แหล่งปลูกข้าวหอมมะลิที่มีชื่อเสียงและปลูกมากที่สุด อยู่ที่ทุ่งกุลาร้องไห้ทาง ภาคอีสาน แต่ความจริงแล้ว แหล่งที่มาของข้าวหอมมะลิอยู่ทางภาคกลาง กล่าวคือ ในช่วงทำ โครงการปฏิวัติเขียว หลังสงครามโลกครั้งที่ 2 ซึ่งสนับสนุนโดยองค์การสหประชาติ มีการ รวบรวมข้าวพันธุ์พื้นเมือง เพื่อนำไปคัดสายพันธุ์บริสุทธิ์ และนำสายพันธุ์ที่ดีออกเผยแพร่ ครั้ง นั้นรัฐบาลสหรัฐส่งผู้เชี่ยวชาญเรื่องดินและการปรับปรุงพันธุ์พืชจาก ม.คอร์แนลมายัง ประเทศไทย โดยให้ พนักงานข้าว ที่ผ่านการอบรม แยกย้ายไปรวบรวมข้าวจากท้องนาทั่ว ประเทศ แล้วนำมาปลูกในแปลงทดลอง สุดท้ายมีอยู่ 1 รวงในจำนวนกว่าแสนรวง ได้เป็นรากเหง้าของข้าวหอมมะลิ คือ ข้าวที่นาย สุนทร สีหะเนิน อดีตพนักงานข้าว อำเภอบางคล้า จังหวัดฉะเชิงเทรา รวบรวมจาก 2 จังหวัด คือ ชลบุรีและฉะเชิงเทรา จำนวน 200 รวง แต่ที่ได้รับคัดเลือกว่าดีที่สุด คือ รวงที่ 105 ซึ่งต่อ มารู้จักกันในชื่อ ข้าวหอมมะลิสายพันธุ์ 105 ที่ให้ผลดีมาก รวงที่ดีสุด เมล็ดยาวเรียว สมบูรณ์ แล้วนำไปทดลองปลูกทางภาคอีสาน เพราะมีสภาพภูมิศาสตร์เหมาะสม คือ ดินร่วนปนทราย ดินเค็มและเปรี้ยวปานกลาง แห้งแล้ง หรือเรียกสั้นๆว่า เค็ม แห้ง แล้ง ทราย ที่ภาคอีสาน ข้าวหอมมะลิสายพันธุ์ 105 ให้ผลดีที่สุด เนื่องจากชอบดินร่วนปนทราย ทนแล้ง ไม่ชอบปุ๋ย เพราะต้นจะล้ม ไม่แข็งแรง ตอนนั้นยังเรียกว่า พันธุ์ขาวดอกมะลิ กรมการข้าวจึง เลือกพื้นที่ภาคอีสานปลูกข้าวหอมมะลิ พอปี 2502 กรมการข้าวเริ่มโครงการทำนาสาธิตแปลง ใหญ่เป็นร้อยๆไร่ที่ทุ่งกุลาซึ่งยุคนั้นเป็นทุ่งกว้าง ครอบคลุม 5 จังหวัด คือ สุรินทร์ ศรีสะเกษ ยโสธร ร้อยเอ็ด และมหาสารคาม หลังจากนั้น ชาวนาแถบทุ่งกุลาจึงหันมาปลูกข้าวหอมมะลิ กันมากขึ้นจนทุกวันนี้ เพราะมีคนนิยมทั่วโลกและขายได้ราคาสูง
ดาวน์โหลดไฟล์ข้อมูลประกอบ :
วันที่บันทึก :
06-06-2559
ผู้ประกาศ :
กองการศึกษาฯ
งาน :
สวัสดิการ